ทนายโซเชียล

Friends 10,512

บริการด้านกฎหมาย

Mixed media feedSee more

ถูกเจ้าหนี้ฟ้องทำไง

#คำถาม สัญญากู้เงินคิดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน ผู้ให้กู้มีสิทธิเรียกต้นเงินและดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือนได้หรือไม่ และถ้าหากผู้กู้ได้ชำระดอกเบี้ยให้กับผู้ให้กู้ไปแล้ว จะเรียกร้องให้คืนหรือนำมาหักหนี้ที่ค้างชำระตามสัญญากู้ได้หรือไม่ #คำตอบ ผู้ให้กู้มีสิทธิเรียกต้นเงินที่ให้กู้คืนได้ เพราะต้นเงินได้ทำสัญญากู้ยืมเงิน และผู้กู้ได้รับเงินกู้ไปครบถ้วนแล้ว ส่วนดอกเบี้ย ผู้ให้กู้เรียกไม่ได้ เพราะดอกเบี้ยที่เรียก ร้อยละ 3 ต่อเดือน เท่ากับร้อยละ 36 ต่อปี เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจึงตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลผูกผัน เท่ากับว่าไม่เคยมีข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยไว้ในสัญญา ส่วนกรณีผู้กู้ ที่ชำระดอกเบี้ยให้กับผู้ให้กู้ตามสัญญาไปแล้ว กุ็ให้นำมาดอกเบี้ยที่ชำระไป นำมาหักหนี้ต้นเงินที่ค้างชำระตามสัญญากู้ได้เลย เพราะเมื่อสัญญากู้ ดอกเบี้ยเป็นโมฆะ ต้องถือว่าสัญญากู้ไม่ได้กำหนดเรื่องดอกเบี้ยไว้ เมื่อผู้กู้ได้ชำระดอกเบี้ยไปให้ผู้ให้กู้ ก็ต้องนำเงินที่ชำระไปหักออกจากเงินต้น โดยไม่ถือว่าเงินที่จ่ายไป เป็นการชำระดอกเบี้ย #คำพิพากษาศาลฎีกาที่2131/2560 โจทก์คิดดอกเบี้ยจากจำเลยร้อยละ 1.3 ต่อเดือน หรืออัตราร้อยละ 15.6 ต่อปี ซึ่งเป็นการคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 ประกอบ ป.พ.พ. มาตรา 654 มีผลให้ดอกเบี้ยดังกล่าวตกเป็นโมฆะ กรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยชำระหนี้โดยจงใจฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือเป็นการกระทำอันใดตามอำเภอใจเสมือนหนึ่งว่าเพื่อชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันตามกฎหมายที่ต้องชำระ อันจะเป็นเหตุให้จำเลยไม่มีสิทธิได้รับทรัพย์นั้นคืนตาม ป.พ.พ. มาตรา 407 เมื่อดอกเบี้ยของโจทก์เป็นโมฆะ เท่ากับสัญญากู้ยืมมิได้มีการตกลงเรื่องดอกเบี้ยกันไว้ โจทก์ไม่มีสิทธิได้ดอกเบี้ยก่อนผิดนัด และไม่อาจนำเงินที่จำเลยชำระแก่โจทก์มาแล้วไปหักออกจากดอกเบี้ยที่โจทก์ไม่มีสิทธิคิดได้ จึงต้องนำเงินที่จำเลยชำระหนี้ไปชำระต้นเงินทั้งหมด ปรึกษากฎหมายเพิ่มเติม โทร 095-169-9998 (ทนายธนกฤต) หรือส่งข้อความมาสอบถามได้ที่ LineID: @sociallaws (เติม@ด้านหน้าด้วย) หรือกด https://line.me/R/ti/p/%40sociallaws เพจทนายโซเชียล https://web.facebook.com/sociallaws/photos/a.1897785303809407/2378561879065078/?type=3&theater ขอบคุณ รูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

แฟนเก่าขู่เอาเงิน

ใครที่คิดจะเอาภาพเปลือยกาย หรือคลิปตอนมีเพศสัมพันธ์ของแฟนเก่า ไปเปิดเผย ถ้าไม่โอนเงินมาให้ ระวังติดคุก 3 ปี ถือว่ามีความผิดข้อหา “รีดเอาทรัพย์” จำเลยส่งข้อความทางผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตถึงโจทก์หลายครั้ง ขู่เข็ญโจทก์ให้จ่ายเงินจำเลย มิเช่นนั้นจะเปิดเผยความลับรูปภาพและวิดีโอที่โจทก์ไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายอื่น ในขณะที่ยังไม่ได้หย่าขาดจากจำเลย การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยขู่เข็ญจะเปิดเผยความลับ ซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหายครบองค์ประกอบความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ เมื่อโจทก์ไม่ยินยอมมอบเงินให้ตามที่จำเลยขู่เข็ญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามรีดเอาทรัพย์ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2561 มาตรา 309 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ปรึกษากฎหมายเพิ่มเติม โทร 095-169-9998 (ทนายธนกฤต) หรือส่งข้อความมาสอบถามได้ที่ LineID: @sociallaws (เติม@ด้านหน้าด้วย) หรือกด https://line.me/R/ti/p/%40sociallaws ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็

Country or region: Thailand